NK Cell (Natural Killer Cell)
NK Cell หรือเซลล์เพชฌฆาต เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ ที่สามารถพบได้ประมาณ 10-15% ของลิมโฟไซต์ที่ในเลือดทั้งหมด โดยนับเป็นด่านแรกๆ ในระบบภูมิคุ้มกัน ที่จะตอบสนองต่อเซลล์ที่ผิดปกติ เช่น เซลล์มะเร็ง หรือ เซลล์ที่มีการติดเชื้อไวรัส เNK Cell จะทำงานโดยการตรวจจับโมเลกุลบนผิวเซลล์ (receptor) ระหว่าง NK Cell และเซลล์เป้าหมาย ซึ่ง receptor มีบทบาทตัวหนึ่งที่เรียกว่า Major Histocompatibility Complex (MHC) Class I ซึ่งเป็น receptor ที่พบในเซลล์ปกติในขณะที่เซลล์มะเร็ง หรือเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัส จะไม่มีการแสดงออกของ receptor ชนิดนี้ ดังนั่น เมื่อ NK Cell ตรวจพบ MHC class I บนผิวเซลล์เป้าหมาย ก็จะไม่ทำลายเซลล์เป้าหมายทิ้งไป แต่ถ้าตรวจจับไม่พบก็จะทำลายเซลล์เป้าหมาย เรียกกระบวนการนี้ว่า “ Missing- self recognition “ ท่อส่งน้ำย่อยทำลายจะถูกเปิดออก กระบวนการทำลายของ NK Cell จะทำหน้าที่ทันที เรียกการทำงานแบบนี้ว่าทฤษฎี “missing-self” หรือ กระบวนการตรวจจับความเป็นตัวตนที่หายไป
ปัจจัยที่ทำให้ความสามารถของ NK cell อ่อนแอลง
การศึกษาพบว่าประสิทธิภาพการทำงานของเม็ดเลือดขาว NK Cell จะลดลงเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสัมพันธ์กับอุบัติการณ์ของมะเร็งที่เพิ่มมากขึ้นตามอายุ แต่นอกจากอายุแล้วยังมีปัจจัยที่ทำให้ความสามารถของ NK cell อ่อนแอลง เช่น
1. พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนหลับไม่ครบ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน
2. รับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพทานอาหารไม่มีประโยชน์ เช่นการรับประทานอาหารที่มีรสหวาน อาหารไขมันสูง และรับประทานผักผลไม้นานาชนิดไม่เพียงพอ จะส่งผลเสียต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย เนื่องจากร่างกายไม่มีแร่ธาตุและวิตามินที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงมากพอ
3. ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย การออกกำลังกายเป็นวิธีที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้ดีขึ้น สุขภาพดีขึ้นจากการออกกำลังกาย
4. เครียดสะสม เพราะเมื่อในร่างกายมีความเครียดสูงขึ้น ฮอร์โมนความเครียดจะไปกดภูมิคุ้มกันให้อ่อนแอลงจนร่างกายเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
5. ระบบฮอร์โมนในร่างกายผิดปกติ จากปัจจัยต่างๆ เนื่องจากหากระบบฮอร์โมนต่ำก็จะทำให้ภูมิคุ้มกันลดลงอย่างรวดเร็ว
เทคโนโลยีทางการแพทย์ทำให้เราสามารถตรวจวัด NK Cell Count และ NK Activity ได้ เพื่อประเมินความสามารถในการทำลายเชื้อไวรัส และเซลล์มะเร็งของแต่ละบุคคลได้จากการเจาะเลือด ดังนั้นผู้ที่ควรได้รับประโยชน์จากการตรวจคือ สำหรับผู้ที่ตรวจแล้วพบว่า มีระดับภูมิคุ้มกันต่ำกว่าปกติ ซึ่งนั้นหมายถึง กลุ่มคนที่มีโอกาสติดเชื้อไวรัสได้บ่อยขึ้น หายยากขึ้นร่วมทั้งมีความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคนที่ควรได้รับการตรวจวัด จำนวน และ ประสิทธิภาพของเซลล์เพชฌฆาต
1.2 มีความผิดปกติทางพันธุกรรม
1.3 อยู่ในระหว่างรักษามะเร็งหรือผู้ที่รักษาหายขาดแล้ว แต่ยังต้องเฝ้าติดตามการเกิดซ้ำของมะเร็ง
1.4 ผู้ป่วยตับอักเสบเรื้อรังจากการติดเชื้อไวรัช
1.5 ผู้มีปัญหาป่วยเรื้อรังเช่น โรคตับ โรคไต เบาหวาน และอาการไขมันในเลือดสูง เริม, งูสวัด, เป็นหวัดบ่อย, เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ เอ หรือ บี, ไข้หวัดนก
1.6 ผู้มีอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง
1.7 ผู้มีประวัติการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่อย่างหนักและ/หรือ ยังคงดื่ม และสูบบุหรี่อย่างหนักต่อเนื่อง
1.8 ผู้ที่สัมผัสกับมลพิษตลอดเวลา
1.9ผู้ได้รับสารอาหารไม่ครบ5หมู่ เช่นผู้ทานมังสวิรัติ ซึ่งมักจะได้ได้รับสารอาหาร โปรตีน วิตามินเกลือแร่ไม่เพียงพอ
2.2 เพื่อวางแผนสุขภาพระยะยาว
NK Cell ถือเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญ ต่อความสามารถในการต่อสู้กับเซลล์แปลกปลอมต่างๆ อันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่อร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกัน จึงเป็นหนึ่งในกลไกหลัก ที่มีส่วนสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อไวรัส COVID-19 โดยที่มี NK Cell เป็นบทบาทสำคัญ ที่เปรียบเสมือนด่านแรกของระบบภูมิคุ้มกันในการป้องกันการติดเชื้อไวรัส COVID-19 ดังนั้น การให้ความสำคัญกับ การเสริมสร้าง และ การเพิ่มประสิทธิภาพ ของ NK Cell จึงเป็นตัวเลือกที่มีประสิทธิถาพ ในการเพิ่มความสามารถในการทำลายเชื้อไวรัส COVID-19
2.ใช้วิธีเพิ่มภูมิคุ้มกันด้วยการใช้เซลล์ภูมิคุ้มกันที่มีคุณภาพ
3.การรับวิตามินและอาหารเสริมที่มีคุรภาพ
4.การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต
5.การรับประทานอาการเสริม ชนิดเพิ่มภูมคุ้มกันได้
1. พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนหลับไม่ครบ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน
2. รับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพทานอาหารไม่มีประโยชน์ เช่นการรับประทานอาหารที่มีรสหวาน อาหารไขมันสูง และรับประทานผักผลไม้นานาชนิดไม่เพียงพอ จะส่งผลเสียต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย เนื่องจากร่างกายไม่มีแร่ธาตุและวิตามินที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงมากพอ
3. ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย การออกกำลังกายเป็นวิธีที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้ดีขึ้น สุขภาพดีขึ้นจากการออกกำลังกาย
4. เครียดสะสม เพราะเมื่อในร่างกายมีความเครียดสูงขึ้น ฮอร์โมนความเครียดจะไปกดภูมิคุ้มกันให้อ่อนแอลงจนร่างกายเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
5. ระบบฮอร์โมนในร่างกายผิดปกติ จากปัจจัยต่างๆ เนื่องจากหากระบบฮอร์โมนต่ำก็จะทำให้ภูมิคุ้มกันลดลงอย่างรวดเร็ว
เทคโนโลยีทางการแพทย์ทำให้เราสามารถตรวจวัด NK Cell Count และ NK Activity ได้ เพื่อประเมินความสามารถในการทำลายเชื้อไวรัส และเซลล์มะเร็งของแต่ละบุคคลได้จากการเจาะเลือด ดังนั้นผู้ที่ควรได้รับประโยชน์จากการตรวจคือ สำหรับผู้ที่ตรวจแล้วพบว่า มีระดับภูมิคุ้มกันต่ำกว่าปกติ ซึ่งนั้นหมายถึง กลุ่มคนที่มีโอกาสติดเชื้อไวรัสได้บ่อยขึ้น หายยากขึ้นร่วมทั้งมีความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคนที่ควรได้รับการตรวจวัด จำนวน และ ประสิทธิภาพของเซลล์เพชฌฆาต
1. มีความผิดปกติ มีโรคประจำตัว
1.1 มีประวัติครอบครัว ญาติพี่น้องป่วย มะเร็ง1.2 มีความผิดปกติทางพันธุกรรม
1.3 อยู่ในระหว่างรักษามะเร็งหรือผู้ที่รักษาหายขาดแล้ว แต่ยังต้องเฝ้าติดตามการเกิดซ้ำของมะเร็ง
1.4 ผู้ป่วยตับอักเสบเรื้อรังจากการติดเชื้อไวรัช
1.5 ผู้มีปัญหาป่วยเรื้อรังเช่น โรคตับ โรคไต เบาหวาน และอาการไขมันในเลือดสูง เริม, งูสวัด, เป็นหวัดบ่อย, เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ เอ หรือ บี, ไข้หวัดนก
1.6 ผู้มีอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง
1.7 ผู้มีประวัติการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่อย่างหนักและ/หรือ ยังคงดื่ม และสูบบุหรี่อย่างหนักต่อเนื่อง
1.8 ผู้ที่สัมผัสกับมลพิษตลอดเวลา
1.9ผู้ได้รับสารอาหารไม่ครบ5หมู่ เช่นผู้ทานมังสวิรัติ ซึ่งมักจะได้ได้รับสารอาหาร โปรตีน วิตามินเกลือแร่ไม่เพียงพอ
2.ผู้มีสุขภาพดี
2.1 ต้องการตรวจติดตามภูมิคุ้มกันแบบไม่จำเพาะของตนเอง2.2 เพื่อวางแผนสุขภาพระยะยาว
NK Cell ถือเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญ ต่อความสามารถในการต่อสู้กับเซลล์แปลกปลอมต่างๆ อันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่อร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกัน จึงเป็นหนึ่งในกลไกหลัก ที่มีส่วนสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อไวรัส COVID-19 โดยที่มี NK Cell เป็นบทบาทสำคัญ ที่เปรียบเสมือนด่านแรกของระบบภูมิคุ้มกันในการป้องกันการติดเชื้อไวรัส COVID-19 ดังนั้น การให้ความสำคัญกับ การเสริมสร้าง และ การเพิ่มประสิทธิภาพ ของ NK Cell จึงเป็นตัวเลือกที่มีประสิทธิถาพ ในการเพิ่มความสามารถในการทำลายเชื้อไวรัส COVID-19
วิธีการเพิ่มภูมิคุ้มกันในกรณีตรวจพบว่า จำนวนและประสิทธิภาพของเซลล์เพชฌฆาตอยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่ามาตรฐาน
1.พบแพทย์ผู้เชียวชาญเพื่อปรึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาและป้องกันโรค2.ใช้วิธีเพิ่มภูมิคุ้มกันด้วยการใช้เซลล์ภูมิคุ้มกันที่มีคุณภาพ
3.การรับวิตามินและอาหารเสริมที่มีคุรภาพ
4.การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต
5.การรับประทานอาการเสริม ชนิดเพิ่มภูมคุ้มกันได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น